ซีเกมส์ 2011 อินโดนีเซีย

Advertisement

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ทัพนักหวดลูกพลาสติกไทย ชุดซีเกมส์ บินกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว "โค้ชโจ" กำพล ทัศสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมหญิง พอใจทำได้ตามเป้า รับประเภทหญิงคู่ ประมาทพม่าเอง ทำให้พลาดเหรียญทอง เม.ย. ปีหน้า เตรียมเก็บตัวลุย เอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว ตั้งเป้าคว้าเหรียญทองทุกประเภท

ทีมนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ชุดลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 25 เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว หลังจากคว้า 5 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน โดยเดินทางมาด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินทีจี 571 ท่ามกลางการรอต้อนรับของสื่อมวลชน และญาติพี่น้องของนักกีฬาที่มารอทีมนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยนานกว่าชั่วโมงครึ่ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

หลังจากที่ไฟลต์บินแจ้งว่าเครื่องจะลงตอน 14.55 น. แต่ทีมเซปักตะกร้อทีมชาติไทยกลับออกมาถึง เวลา 16.30 น. แถมไม่มี "โจ้หลังเท้า" ร.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ แบ็กจอมเก๋า ร่วมเดินทางมาด้วย เพราะ "โจ้" ได้เดินทางกลับมาถึงไทยก่อนล่วงหน้าแล้ว ด้วยธุระส่วนตัวเร่งด่วน

"กำพล" บอกทำได้ตามเป้าที่ตั้ง
ในเวลา 16.30 น. นักเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ได้เดินทางออกมาจากด้านในของอาคารสนามบิน และได้มายืนให้สัมภาษณ์พร้อมกับถ่ายภาพ ที่บริเวณประตูทางออกหมายเลข 3 ด้าน "โค้ชโจ" กำพล ทัศสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเซปักตะกร้อหญิงทีมชาติไทย ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวถึงผลงานของทีมว่า

"ทีมตะกร้อไทยทำผลงานได้ตามเป้าของสมาคมตะกร้อฯ ที่วางเอาไว้ เข้าชิง 6 ประเภท ได้มา 5 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน น่าเสียดายที่เราพลาดเหรียญทองในประเภทหญิงคู่ ขอชื่นชมนักกีฬาทุกคนที่ทำได้ดี ส่วนคู่แข่งในย่านอาเซียนถือว่ามีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องทุ่มเท ซ้อมหนัก และปรับเกมกลยุทธ์ให้พัฒนาต่อไป"

รับประมาทเลยชวดเหรียญทอง
"โค้ชโจ" ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเภทหญิงคู่ ที่ไม่ได้เหรียญทอง เป็นเพราะไทยประมาทคู่ต่อสู้ แล้ววางแผนผิด "ยอมรับว่าเราประมาทพม่า และเราวางแผนผิดด้วย ในการที่เอาเด็กใหม่ เพื่อจะเปิดโอกาสให้เด็กใหม่ได้ลงเล่น คือประมาทคู่ต่อสู้ว่า ยังไงเราก็สามารถเอาชนะเค้าได้ ก็เลยเอาตัวจริงนั่งสำรองไว้ก่อน และการเปิดเกมแลกของเราทำให้คู่ต่อสู้กล้าเล่น ถ้าเราส่งตัวจริงลงไปคู่ต่อสู้ อาจจะไม่กล้าเล่นเกมเราอาจจะดีกว่าพม่า และอาจจะคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ"

ชมลาวเปิดโอกาสคว้าเหรียญมากขึ้น
กำพล ทัศสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการจำกัดประเภทกีฬาแต่ละชนิดของ "เจ้าภาพ" ลาว อีกว่า "ดีครับ การที่ลาวออกกฎว่าให้แต่ละชาติส่งนักกีฬาชิงเหรียญรางวัลได้แค่ 6 ประเภท เป็นการเปิดกว้างให้ทุกประเทศมีโอกาสคว้าเหรียญรางวัลกันมากขึ้น ไม่ใช่ว่ามีประเทศหนึ่ง หรือสองประเทศ ที่คว้าเหรียญรางวัลอยู่เพียงชาติเดียว ประเทศอื่นๆ เป็นได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นตะกร้อย่านอาเซียนก็คงจะไม่พัฒนา"

เอเชียนเกมส์ต้องคว้าทองทุกรุ่น
ด้านการเตรียมทีมสู้ศึกเอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว ปี 53 นั้น "โค้ชโจ" กล่าวว่า "คงจะเริ่มเก็บตัวหลังเดือน เม.ย. ถ้าเกิดเก็บตัวช้ากว่านี้ คงจะไม่ทันแน่ เพราะเอเชียนเกมส์มีคู่แข่งเยอะ โดยเฉพาะผู้ชายมี เกาหลีใต้ เป็นกระดูกชิ้นโต ส่วนผู้หญิง มีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเยอะเช่น "เจ้าภาพ" จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในการคว้าเหรียญทอง ไทยตั้งเป้าว่าต้องเหรียญทองอย่างเดียว ห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าไม่ได้เหรียญทองทุกประเภทถือว่าล้มเหลว

"สุริยัน-พยอม" ดีใจคว้าทองตามเป้า
จ.ส.อ.สุริยัน เป๊ะชาญ หน้าซ้ายชงทีมชุดชาย กล่าวถึงผลงานในซีเกมส์ครั้งนี้ว่า "ดีใจที่คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ เพราะว่าก่อนที่เราจะเดินทางไปแข่งขันเราก็ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี พอเราไปเล่นเราก็สามารถเล่นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้คือทีมชายคว้าเหรียญทองมาได้ครบทั้ง 3 เหรียญ

ทุกวันนี้เราก็พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อหนีคู่แข่งที่ตามมาไม่ว่าจะเป็น พม่า, มาเลเซีย หรือลาว ที่ตอนนี้ฟอร์มดีขึ้นมาเรื่อยๆ สตาฟฟ์โค้ชก็หารูปแบบใหม่ๆ มาให้เราฝึกซ้อมอยู่ตลอด ขอขอบคุณชาวไทยทุกคนที่ช่วยเชียร์อยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือที่ตามไปเชียร์ที่เวียงจันทน์ พวกเราทุกคนรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่เห็นคนไทยทุกคนร่วมใจเชียร์นักกีฬาทุกคน"

ส่วน พยอม ศรีหงษา หน้าขวาทำ ที่คว้าเหรียญทองประเภททีมชุดหญิง เผยว่า "ดีใจที่นำเหรีญทองมาฝากแฟนตะกร้อชาวไทยทุกคน ถึงแม้ประเภทคู่จะได้แค่เหรียญเงิน แต่ทีมชุด-ทีมเดี่ยวก็ได้เหรียญทอง ขอมอบให้เป็นของขวัญแก่พี่น้องชาวไทยทุกคน

สำหรับในการแข่งขันรายการต่อไปไทยเราจะประมาทไม่ได้ เพราะเวียดนาม ก็พัฒนาขึ้นเยอะ เล่นได้สูสีกับเรามาก เอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว เราจะประมาทไม่ได้ เพราะมีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่น จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นคู่แข่งสำคัญในการคว้าเหรียญทอง"