ซีเกมส์ 2011 อินโดนีเซีย

โค้ชเหม่งหวังแก้ตัว2ปีหน้า! บิ๊กเษมชี้บอลซีเกมส์สั่งลาต้องชนะลอดช่อง

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันกีฬาซีเกส์ ครั้งที่ 26 จากกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง “แข้งไทย” ลงเตะ 3 นัด ในกลุ่ม A ด้วยการพ่าย มาเลเซีย 1-2, ชนะ กัมพูชา 4-0, แพ้ อินโดนีเซีย 1-3 ทำให้ตกรอบแรก 2 ติด ต่อกัน แม้จะเหลือการเล่นอีก 1 นัดกับ สิงคโปร์ ในวันที่ 17 พ.ย. ก็ตาม

“โค้ชเหม่ง” ประพล พงษ์พานิช กุนซือชุดซีเกมส์ เปิดเผยว่า แม้จะตกรอบแล้ว แต่นักเตะทุกคนยังมีหน้าที่อยู่ นั่นก็คือ การลงไปเล่นกับ สิงคโปร์ เพราะนี่คือเกมระดับทีมชาติ หากเล่นไม่เต็มที่ แล้วเกิดพ่ายแพ้อีก จะเป็นสถิติที่ไม่น่าจดจำ ดังนั้นทุกคนจะต้องพยายามทำผลงานในเกมสุดท้ายให้ออกมาดีที่สุด ส่วนตัวเองหลังเกมวันที่ 17 พ.ย. เมื่อเดินทางกลับเมืองไทย คงจะต้องขอเวลาพักสักระยะ เนื่องจากเครียดและกดดันมาก ตั้งแต่มาคุมทีมซีเกมส์ เพราะก่อนมาแข่งขันยังเชื่อว่าจะบุกมาคว้าเหรียญทองได้ แต่ในเมื่อต้องมาตกรอบแรกก็ต้องรับสภาพให้ได้ และนำข้อมูลที่ได้กลับไปชี้แจงให้สภากรรมการ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย รับทราบว่า ฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก

“ทุกๆชาติยังให้ความสำคัญกับกีฬาซีเกมส์ และมีการเตรียมทีมที่ดี แต่ของไทยกลับมีปัญหาเรื่องการรวมตัวของผู้เล่น ขณะเดียวกันหลายๆชาติมีการโอนสัญชาตินักเตะมาเล่นให้ รวมทั้งหลายประเทศยังมีการดึงนักเตะที่อายุเกิน 23 ปี มาลงเล่น ที่เห็นได้ชัดคือ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการโกงหรือทำผิดกฏ ตรงนี้ก็ต้องกลับมาคิดว่า ฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ จะทำอย่างไรกันต่อไป หากมุ่งหวังที่จะเอาชนะกันแบบเล่นตุกติกหรือโกงกันทุกวิถีทาง สุดท้ายฟุตบอลในอาเซียนก็ไม่ได้เจริญอะไร ส่วนตัวเองเมื่อกลับไทย คงจะกลับไปทำหน้าที่เป็นโค้ชต่อแน่ เพียงแต่จะรดดูว่า มีสโมสรไหนติดต่อเข้ามา และหากในอนาคต สมาคมฟุตบอลฯ ทาบทามให้ไปคุมทีมชุดเยาวชนหรือกีฬาซีเกมส์อีก ก็พร้อมจะรับทำ เพราะอยากจะแก้ตัวเหมือนกัน ” โค้ชเหม่ง กล่าว

ขณะที่ “บิ๊กเษม” นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชุดซีเกมส์ กล่าวว่า ทีมไทยยังเหลือการเล่นนัดสุดท้ายกับสิงคโปร์ ดังนั้นนักเตะทุกคนต้องทำหน้าที่กันต่อไป ต้องลงเล่นอย่างเต็มที่และเอาชนะให้ได้ เพราะคือเรื่องศักดิ์ศรีของประเทศ ซึ่งเมื่อกลับไปเมืองไทย คงจะมีการรายงานให้ สภากรรมการ รับทราบว่า เหตุใดทีมไทยจึงพ่ายตกรอบแรก ต้องสรุปให้ชัดเจนว่า เป็นเพราะไม่มีเวลาเตรียมทีม เป็นเพราะผู้จัดการทีมไม่ทุ่มเท เป็นเพราะนักเตะที่เลือกมาไม่ดี หรือเป็นเพราะโค้ชไม่มีฝีมือ จากนั้นต้องสรุปให้ได้ว่า อนาคตจะสร้างทีมเข้าแข่งในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า อย่างไร เนื่องจากการตกรอบแรก 2 ครั้งติดต่อกัน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ชาติอื่นๆได้มีการพัฒนาขึ้น แต่ทีมไทยกลับยังคิดว่าตัวเองเก่ง ใช้เวลาเตรียมทีมแค่ 2 สัปดาห์ก็สามารถคว้าแชมป์ได้ ซึ่งมันไม่ใช่อีกแล้ว

นายเกษม ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมซีเกมส์มา 2 ครั้ง ครั้งแรกสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ แต่ครั้งนี้ตกรอบแรก ดังนั้นเรื่องที่จะให้ทำหน้าที่ ผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดไหนอีกต่อไป คงจะต้องถึงคราวยุติบทบาทแล้ว ไม่ขอรับตำแหน่งอีก เนื่องจากยังมีคนหนุ่มที่มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลสมันใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ ผู้จัดการทีมชาติไทยได้ นอกจากนี้เมื่อต้นปีก็รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชุดปรีโอลิมปิก และต้องมาตกรอบแบบเจ็บแสบ เพราะโค้ชดันส่งผู้เล่นที่ติดโทษแบนลงไปเล่น เลยถูกปรับให้แพ้ฟาล์ว และครั้งนี้มาทำทีมตกรอบแรกในกีฬาซีเกมส์อีก แฟนบอลชาวไทยคงจะรับไม่ได้ จึงถึงเวลาที่จะพอเสียที และอาจจะไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับชุดอื่นๆ อย่างไรก็ตามการที่ สมาคมฟุตบอลฯ จะเลือกใครมาเป็น ผู้จัดการทีมชาติชุดไหนก็ตาม ควรจะหาคนที่มีความทุ่มเท มีเวลาที่จะดูแลทีมอย่างจริงจัง ไม่ใช่เข้ามาแบบฉาบฉวย หวังจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองเพียงอย่างเดียว