ซีเกมส์ 2011 อินโดนีเซีย

ความเคลื่อนไหวนักเตะทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยทีมชาติไทยอยู่สาย เอ ร่วมกับ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย, "แชมป์เก่า" มาเลเซีย, สิงคโปร์ และกัมพูชา ซึ่งประเดิมนัดแรก แพ้ มาเลเซีย 1-2, นัดสอง ชนะ กัมพูชา 4-0 และวันที่ 13 พ.ย. นี้ จะพบกับ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย ที่สนามเกโลร่า บัง การ์โน่ (เสนายัน) เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2554 ที่ผ่านมา ทัพนักเตะไทยทำการฝึกซ้อมตามปกติ ที่บริเวณสนามเทนนิส หน้า ร.ร.สุลต่าน ซึ่งเป็นสถานที่พักก่อนจะลงสระว่ายน้ำเพื่อคลายกล้ามเนื้อ จากนั้นช่วงบ่าย ประมาณ 14.00 น. ได้ลงฝึกซ้อมอีกครั้งที่สนามข้างๆ เสนายัน โดยเน้นการขึ้นเกมเป็นหลัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จึงเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม ซึ่ง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ ได้เข้ามาชมการฝึกซ้อมทันทีที่เพิ่งบินมาถึงอินโดนีเซีย

ภายหลังการฝึกซ้อม "กาเซ็ม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมยอมรับว่า ตอนนี้ไทยอยู่ในภาวะที่กดดัน เนื่องจากสถานการณ์บีบให้เกมที่เหลือต้องชนะเท่านั้น และตนเองไม่หวังพึ่งทีมไหนๆ ว่าจะแพ้หรือชนะกันอย่างไร เพราะหากไทยชนะรวดก็จะเข้ารอบทันที อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าห่วงในตอนนี้คือสภาพจิตใจ เพราะหลายคนยังมีอาการตื่นสนามอยู่


นอกจากนั้น "กาเซ็ม" ยังได้พูดถึงเกมกับ อินโดฯ วันที่ 13 พ.ย. นี้อีกว่า เป็นความกดดันมากเนื่องจาก อินโดฯ มีกองเชียร์เยอะ และพวกเขาต้องการชนะไทย เพื่อตอกย้ำว่าเป็นทีมที่ดีกว่าไทยเรา แต่นั่นยังไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อทุกอย่างยังเสมอกันอยู่ แสดงว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้

"กาเซ็ม" ได้พูดถึงผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ในเกม ไทย กับ อินโดฯ ว่าตนเองยังเชื่อในศักยภาพของผู้ตัดสิน ว่าจะทำหน้าที่เป็นกลาง เนื่องจากเดี๋ยวนี้สื่อทั่วถึงกันทั่วโลก และหากมีการลำเอียงก็อาจจะเสียทั้งหมด

นอกจากนั้น "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมบอลฯ เป็นประธานผู้ตัดสินของเอเอฟซี ด้วย ดังนั้นน่าจะหาผู้ตัดสินจากชาติเป็นกลาง ที่ไม่ได้อยู่ในอาเซียนมาทำหน้าที่ อย่างไรก็ดีได้กำชับเด็กว่า ห้ามเล่นลูกอันตรายในเขตโทษเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกองเชียร์ที่ถือว่าเป็นขาโหดเสมอเมื่อเจอกับไทย เรื่องนี้ผู้จัดการทีมชาติไทยกล่าวยอมรับว่า มีผลพอสมควร และได้เตือนนักเตะทุกคนว่า การมาเล่นที่ อินโดฯ จะต้องเจออะไรบ้าง เพราะฉะนั้น หากเราอยู่ในเกมของเรา รับรองว่าไม่มีอะไรทำเราได้ แต่หากเผลอตัวไปเล่นในเกมของเขาก็มีแต่จบกับจบ

ขณะที่ "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เฮดโค้ชฯ ได้พูดถึงแท็กติกการเล่นกับ อินโดฯ ว่าจะเปลี่ยนไปจากสองเกมแรกพอสมควร เพราะเท่าที่ดู อินโดฯ เล่นมา 3 นัด ต้องบอกว่าแท็กติกที่เล่นอยู่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ซึ่ง 20 นาทีแรก เราคงต้องดูสถานการณ์ก่อนว่า อินโดฯ มาอย่างไร และหลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนแท็กติกไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่า เกมรับของเราต้องแน่นเป็นพิเศษ แต่ยังเชื่อว่าศักยภาพนักเตะทุกคนดีพอสำหรับการสู้กับอินโดนีเซีย

ในกรณีของ "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ที่มีกำหนดเดินทางมาวันที่ 16 พ.ย. เพื่อช่วยไทยเจอกับสิงคโปร์ ทว่าจากเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา "เจ้าอุ้ม" ได้รับใบแดงทำให้ถูกคาดโทษเกมต่อไป นั่นหมายความว่า "เจ้าอุ้ม" มีสิทธิ์ที่จะเดินทางมาเร็วกว่ากำหนด

ล่าสุดทาง "กาเซ็ม" ได้บอกว่า ได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ ธีราทร บุญมาทัน เอาไว้แล้ว โดยจะให้เดินทางมาวันที่ 13 พ.ย. ในช่วงเช้า ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 433 และมาถึง อินโดฯ ประมาณ 11 โมง และจะเดินทางมาที่สนามแข่งขันเพื่อลงเตะเวลา 19.00 น. ทันที

แต่ทั้งนี้จะต้องเช็กสภาพความฟิตอีกครั้ง ซึ่งคงต้องถามเจ้าตัวว่าพร้อมแค่ไหนกับการลงสนามเจออินโดฯ ซึ่งเราไม่อยากบังคับนักเตะ เพราะรู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกับการเดินทางและพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่หากธีราทรพร้อม เราก็จะส่งลงทันที

อย่างไรก็ดี "กาเซ็ม" ได้เกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งโอลิมปิก ที่แพ้ ปาเลสไตน์ เพราะส่งตัวผู้เล่นติดโทษแบนลงสนาม นั่นคือ สุจริต จันทกล ที่คาดโทษมาจากเยาวชน 20 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศซาอุฯ เมื่อ 2 ปีก่อน

แม้ไทยจะพยายามบอกว่า "เจ้าต้อม" ได้ชดใช้โทษแบนไปแล้วในศึกเอเชียนเกมส์ ที่ประเทศจีน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพราะมีชื่อติดทีม แต่ไม่ได้ลงสนามนัดแรก ทว่าทาง เอเอฟซี บอกว่า เอเชียนเกมส์ จัดขึ้นโดยโอลิมปิก ทำให้ไม่มีผลต่อรายการของเอเอฟซี แต่อย่างใด

เรื่องนี้ "กาเซ็ม" ยอมรับว่ากลัวเหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้ไทยเราต้องโดนข้อครหาแน่นอนจากชาติอื่นๆ เพราะฉะนั้น จะให้ผู้รู้หรือเกี่ยวข้องอย่าง นายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ ช่วยประสานและหาคำตอบที่ถูกต้องว่า ธีราทร จะโดนโทษแบนในซีเกมส์ ด้วยหรือไม่

ซึ่งหากโดนเราก็จะไม่เอาลง แต่ ธีราทร ก็จะลงสนามให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ เจอกับ ออสเตรเลีย วันที่ 15 พ.ย. นี้ได้ เพราะถือว่าชดใช้โทษแบนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ คงต้องคุยกันอย่างละเอียด และน่าจะรู้ผลก่อนลงสนามยันนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า "เจ้าอุ้ม" ไม่น่าติดโทษแบนในศึกซีเกมส์ เนื่องจากกรณีนี้ เป็นเคสเดียวกับ "เจ้าต้อม" ที่ทางเอเอฟซี มองว่ารายการที่ เอเอฟซี ไม่ได้จัด ไม่สามารถนำโทษแบนมาเกี่ยวข้องกันได้ ซึ่งซีเกมส์จัดขึ้นโดยสภาโอลิมปิก และ วีเอฟเอฟ ดังนั้นจึงไม่น่าเกี่ยวข้องกัน โดย "เจ้าอุ้ม" จะโดนแบนในเกมชุดใหญ่ที่ ไทย จะพบกับ ออสเตรเลีย วันที่ 15 พ.ย. นี้ตามกำหนดเดิม

สำหรับกรณีของ "เจ้าอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน นักเตะชุดใหญ่ ที่โดนใบแดงไล่ออกช่วงท้ายเกม ในการเจอกับซาอุฯ ล่าสุด "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ สอบถามไปทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี เรียบร้อยแล้ว ว่าสามารถลงแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซีย ได้หรือไม่

ซึ่งทางเอเอฟซี ยืนยันว่าได้ และไม่นับเป็นการลงโทษต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่การแข่งขันในรายการที่เอเอฟซีรับรองอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันก็จะเหมือนกรณีของ สุจริต จันทกล ที่โดนโทษแบนในชุดปรีโอลิมปิก แต่เอเอฟซี ไม่นับในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว

"เอเอฟซี ไม่นับว่ากีฬาเอเชียนเกมส์ และ ซีเกมส์ เป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่ เอเอฟซี รับรอง เพราะฉะนั้นโทษแบนของ ธีราธร จึงไม่นับว่าเป็นการชดใช้โทษต่อเนื่องของ เอเอฟซี แต่ถ้ามีปัญหาอีก ก็แสดงว่ามีสองมาตรฐานแล้ว เพราะกรณีนี้ไม่แตกต่างอะไรไปจากกรณีของ สุจริต แม้แต่น้อย" นายวรวีร์ กล่าว

นอกจากนั้น "บังยี" ยังได้พูดถึงเกมที่ไทยจะพบกับ อินโดฯ ด้วยว่าเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี และแน่นอนว่า แฟนบอลอินโดฯ หวังที่จะเห็นเราแพ้มากๆ เพราะฉะนั้นจะต้องเล่นอย่างรัดกุมที่สุด ที่สำคัญห้ามตบะแตกเด็ดขาด ส่วนเรื่องความปลอดภัยในสนามเชื่อว่า เจ้าภาพได้เตรียมการไว้ดีแล้วจึงไม่น่าเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเมื่อ 14 ปีก่อน

ทั้งนี้ "บังยี" ได้ประกาศอัดฉีดให้กับนักเตะไทย หากสามารถทำประตูได้จะให้ลูกละ 1 ล้านบาท เพื่อเอาชนะ อินโดฯ ซึ่งนายกบอลไทยบอกว่า ต้องการให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อนักเตะเพื่อพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบให้ได้

สำหรับ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของไทย วันที่ 13 พ.ย. นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่ง โดย "เจ้ากร" ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ น่าจะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหลังยิง 2 ประตู ในสองเกมแรกที่ลงสนาม ซึ่งจะจับคู่กับ รณชัย รังสิโย คู่หูจากเทโรฯ

โดย 11 คนแรก ในระบบ 4-4-2 ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู อุกฤษณ์ วงศ์มีมา กองหลัง 4 คนจากขวา ซีเกต หมาดปูเต๊ะ, สุจริต จันทกล, คมกฤช คำโสกเชือก, ธีราทร บุญมาทัน กองกลางจากขวา อิสระพงษ์ ลิละคร, ปกเกล้า อนันต์, สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และคู่กองหน้า ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ กับ รณชัย รังสิโย

สำหรับทีมอินโดนีเซีย มีรายงานเพิ่มเติมว่าจะจัดชุดใหญ่ลงสนามอย่างแน่นอน นำโดยสามประสานในแดนหน้าผิวสีอย่าง พาทริก วานเกียร์, ไตตัส โบไน, ออคโทเวียนุส มาเนียนี่ และขุมกำลังอื่นๆ คือหน้าเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์ดินาน ซินาก้า, อีไจ เมเกียร์ย่า, เฮนโดร ซิสวานโต้

โดย ดามาร์วาน เฮดโค้ชอินโดฯ ยอมรับว่า ตนเองไม่สามารถประมาทไทยได้ เพราะฉะนั้น จะเน้นความรัดกุมที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า ไทยยังคงมีเส้นทางในการเข้ารอบจึงต้องสู้อย่างเต็มที่ และนี่คือสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด

สำหรับสถานการณ์การเข้า-ตกรอบ ในเกมวันที่ 13 พ.ย. นี้ มาเลเซีย ที่พบกับ กัมพูชา ซึ่งตกรอบไปแล้วจะลงสนามก่อน ซึ่งหาก มาเลเซีย ชนะ จะทำให้เกมสุดท้ายเล่นเพียงแค่เสมอกับอินโดฯ ก็จะเข้ารอบทันที แต่หาก มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา และ อินโดฯ ชนะ ไทย จะทำให้ไทยตกรอบแรกเป็นครั้งที่สองติดต่อกันทันที รวมถึงดึงสิงคโปร์ ตกรอบด้วย

ทั้งนี้ หาก ไทย เสมอ อินโดฯ และ มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา จะทำให้ มาเลเซีย ลอยลำเข้ารอบรองชนะเลิศ เป็นทีมแรกทันที ส่วน ไทย ต้องชนะ สิงคโปร์ ในนัดสุดท้าย และต้องยิงเยอะๆ รวมถึงให้อินโดฯ แพ้ มาเลเซีย ในสกอร์ที่มากกว่า 8 ลูก ไทยจึงเข้ารอบ

ส่วน สิงคโปร์ ที่ไม่มีโปรแกรมแข่งวันที่ 13 พ.ย. นี้ ยังคงมีลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย พบกับ ไทย แต่โอกาสจะยากกว่าทีมอื่นๆ นอกจากต้องลุ้นให้ ไทย ชนะ อินโดฯ และ กัมพูชา ชนะหรือเสมอ มาเลเซีย สถานเดียว

สำหรับคะแนนของทั้ง 5 ทีม ในสาย เอ สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ย. ประกอบไปด้วย อันดับ 1 อินโดฯ สองนัด มี 6 คะแนน ได้ 8 เสีย 0, อันดับ 2 มาเลเซีย สองนัด มี 4 คะแนน ได้ 2 เสีย 1, อันดับ 3 สิงคโปร์ สามนัด มี 4 คะแนน ได้ 2 เสีย 3, อันดับ 3 ไทย สองนัด มี 4 คะแนน ได้ 5 เสีย 2 และอันดับสุดท้าย กัมพูชา สามนัด ไม่มีคะแนน

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ ครั้งที่ 26 วันที่ 13 พ.ย. นี้ มีแข่งขัน 4 คู่ จากสองสาย โดยสาย เอ ไทย จะลงสนามนัดที่สามพบกับ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย ที่สนาม เกโลร่า บัง การ์โน่ (เสนายัน) เวลา 19.00 น. และ มาเลเซีย พบ กัมพูชา เวลา 16.00 น. ส่วนสาย บี สองคู่ ฟิลิปปินส์ พบ เมียนมาร์ และ ติมอร์เลสเต พบ ลาว ที่สนาม เลบัค บูรุส เริ่มคู่แรก 16.00 น. เช่นเดียวกัน

โดยก่อนคู่ของไทยที่จะลงสนามเป็นการเจอกันของ "แชมป์เก่า" มาเลเซีย ที่เตะสองนัดมี 4 คะแนน จากการเสมอ สิงคโปร์ 0-0 และชนะ ไทย 2-1 พบกับ กัมพูชา ที่สามนัดแพ้รวด แพ้ อินโดฯ 0-6, แพ้ สิงคโปร์ 1-2, แพ้ ไทย 0-4 ตกรอบเป็นที่แน่นอนแล้ว

มาเลเซียยังไม่ชัวร์ว่าจะเข้ารอบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะชนะ กัมพูชา ก็ตาม เพียงแต่จะถือไพ่เหนือกว่าเท่านั้น เพราะนัดสุดท้ายเล่นเพียงแค่เสมอก็จะเข้ารอบ ขณะที่ กัมพูชา เล่นให้ครบโปรแกรมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า มาเลเซียต้องการเก็บชัยชนะ เพราะสุดท้ายต้องเจอกับ "เจ้าภาพ" อินโดฯ

โดยการเจอกันในซีเกมส์ 6 ครั้ง ปรากฏว่า มาเลเซียมีสถิติที่ดีกว่า เพราะชนะรวดทั้ง 6 นัด ประกอบไปด้วย ครั้งที่ 6 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 3-0, ครั้งที่ 18 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 9-0, ครั้งที่ 20 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 6-2, ครั้งที่ 22 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 8-1, ครั้งที่ 23 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 5-0, ครั้งที่ 25 มาเลเซีย ชนะ กัมพูชา 4-0

ด้านสาย บี ฟิลิปปินส์ ที่เตะ 3 นัด มี 3 แต้ม โดยแพ้ เวียดนาม 1-3, แพ้ ติมอร์ฯ 1-2, ชนะ ลาว 3-2 พบกับ เมียนมาร์ จ่าฝูงที่มี 7 คะแนน จากสามนัด โดยชนะ ลาว 3-2, เสมอ เวียดนาม 0-0, ชนะ บรูไน 4-0

เกมนี้ เมียนมาร์ หากชนะ และ ติมอร์ฯ ที่เตะคู่หลังแพ้ จะทำให้ เมียนมาร์ เข้ารอบเป็นทีมแรกทันที ส่วน ฟิลิปปินส์ นอกจากจะต้องชนะ เมียนมาร์ ในเกมนี้แล้วยังลุ้นให้ เวียดนาม กับ ติมอร์ฯ ไม่ชนะรวดในโปรแกรมที่เหลือ โดยสถิติที่ ฟิลิปปินส์ พบ เมียนมาร์ ในซีเกมส์ 2 ครั้ง ฟิลิปปินส์แพ้รวดทั้งสอง

และคู่สุดท้าย ติมอร์เลสเต ลงสนาม 3 นัด มี 6 แต้ม จากการชนะ บรูไน 2-1, ชนะ ฟิลิปปินส์ 2-1, แพ้ เวียดนาม 0-2 พบกับ ลาว ที่มีแต้มเดียวจากสามเกม โดยแพ้ เมียนมาร์ 2-3, เสมอ บรูไน 2-2, แพ้ ฟิลิปปินส์ 2-3

เกมนี้ ติมอร์ฯ ต้องการสามคะแนนเพื่อโอกาสเข้ารอบ ส่วน ลาว นอกจากต้องชนะแล้วยังต้องลุ้นให้ เวียดนาม, เมียนมาร์, ติมอร์ฯ สองจากสามทีมไม่มีแต้มในโปรแกรมที่เหลือนับว่าค่อนข้างยาก ซึ่งคู่นี้ไม่เคยเจอกันมาก่อนในซีเกมส์ ทว่า ติมอร์ฯ เก็บชัยชนะได้ในสองเกมแรก เนื่องจากนักเตะยกชุดเป็นผู้เล่นโอนสัญชาติมาจากบราซิล ส่วน ลาว นำโดย ลำเนา สิงโต

สำหรับเกมนัดที่ทีมชาติไทย พบ อินโดนีเซีย นั้นทางช่องฟุตบอลสยามทีวี สถานีฟุตบอลไทย (ทรูวิชั่น 74) รับหน้าที่ถ่ายทอดสดให้ชมถึงบ้าน โดยก่อนเกมการแข่งขัน 1 ชั่วโมง จะมี "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กับ "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตนักเตะทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย รุ่นเผาสนามเสนายัน มาบอกเล่าประสบการณ์ตอนนั้น และวิเคราะห์ก่อนเกม ไทย - อินโดนีเซีย ตั้งแต่เวลา 17.30 น.

ส่วนในช่วงการถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 18.30 น. จะมี อ.ทองสุข สัมปหังสิต อดีตโค้ชทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา มาร่วมบรรยายเกมและวิเคราะห์เกมด้วย พร้อมสายด่วนจากขอบสนาม เกโลร่า บัง การ์โน่ ประเทศอินโดนีเซีย โดย "โยเล็ก" ชัชวลิต คุณสิทธิ์ ผู้สื่อข่าวฟุตบอลสยามทีวี ก่อนและหลังเกมให้เกาะติดบรรยากาศกันแบบสดๆ อีกด้วย

ขณะที่ผลการแข่งขันศึกฟุตบอลซีเกมส์ 2011 เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 54 มีแข่งขัน 1 คู่ ในสาย บี ณ สนามเลบัค บูรุส ซึ่งผลปรากฏว่า บรูไน แพ้ เวียดนาม ขาดลอย 0-8 โดยเวียดนามได้ประตูจาก เหงียน ควาน เวียน ซัดแฮตทริก น.1, น.13 และ น.14, ฟาม ทาน เลียง น.15, ลี วาน ทัง น.18, ฮอง วาน บิน น.30, เล ออง เทียน น.57 และ ฮอง ดิน ทัง น.72 ช่วยให้เวียดนามเก็บ 3 แต้ม ส่งให้มี 10 คะแนน จาก 4 นัด ขยับขึ้นไปเป็นทีมจ่าฝูงของสาย บี อย่างเป็นทางการ

สำหรับโปแกรมการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 26 นัดต่อไปจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. 54 สาย เอ ณ สังเวียนเกโรล่า บังคลาโน่ (เสนายัน) มาเลเซีย พบ กัมพูชา 16.00 น., อินโดนีเซีย พบ ไทย 19.00 น. ขณะที่สาย บี ณ สนามเลบัค บูรุส ฟิลิปปินส์ พบ เมียนมาร์ 16.00 น. และ ติมอร์เลสเต พบ ลาว 19.00 น.